วันพฤหัสบดีที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2552

แบบฝึกหัด

1. IP Address มีชื่อเต็มว่า
ก. Internet Protocall Address ข. Internet Protocol Address
ค. Internat Protocall Address ง. Internets Protocol Address

2. ข้อใดเป็นลักษณะเฉพาะของ IP Address ของคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่อง
ก. ตัวเลขสามารถซ้ำกันได้ทุกตัว ข. สามารถใช้เครื่องหมาย “;” คั่นระหว่างเลขแต่ละหลักได้
ค. ตัวเลขทุกตัวจะต้องไม่ซ้ำกัน ง. แต่ละประเทศมีข้อกำหนดที่ต่างกัน

3. Internet Protocol version ใดที่ใช้กันมากที่สุดในปัจจุบัน
ก. IPv1 ข. IPv2 ค. IPv3 ง. IPv4

4. เหตุใดจึงมีการคิดค้น Internet Protocol version ใหม่ขึ้น
ก. เพราะ IP Address ที่มีอยู่ไม่เพียงพอกับความต้องการของผู้ใช้
ข. เพราะต้องมีการคิดค้นเวอร์ชันใหม่ทุกๆ 3 ปี
ค. เป็นการลงมติเห็นชอบจากเวทีโลก
ง. ไม่มีข้อใดถูก

5. IPv4 และ IPV6 แตกต่างกันอย่างไร
ก. IPv4 มี 128 บิต IPV6 มี 64 บิต
ข. IPv4 มี 128 บิต IPV6 มี 32 บิต
ค. IPv4 มี 32 บิต IPV6 มี 128 บิตง
. IPv4 มี 32 บิต IPV6 มี 64 บิต

6. ข้อใดผิด
ก. IPV6 ผู้บริหารมีส่วนในการบริหารจัดการงานมากขึ้น
ข. IPV6 ระบบมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น
ค. IPV6 เครือข่ายมีการทำงานแบบ Real Time Processing
ง. IPV6 มีการใช้งานอินเทอร์เน็ตแบบเคลื่อนที่ (Mobile IP)

7. เหตุใดประเทศในแถบอเมริกาเหนือจึงไม่มีความจำเป็นต้องใช้ IPV6
ก. เพราะสังคมเป็นแบบประชาธิปไตย
ข. เพราะมี IP Address ที่กำหนดขึ้นใช้เองเฉพาะชาวอเมริกัน
ค. เพราะมีรากฐานเศรษฐกิจที่มั่นคง
ง. เพราะได้รับการจัดสรร IP Address ไปถึง 70% ของ IP Address ที่ใช้ทั่วโลก

8. แนวโน้มการพัฒนาด้านเทคโนโลยีมีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้ IP Address อย่างไร
ก. ทำให้ IP Address มีปริมาณเกินความต้องการ
ข. มีการนำเอา IP Address มาใช้กับเทคโนโลยี ทำให้ต้องการใช้ IP Address มากขึ้น
ค. เทคโนโลยีด้านอื่นจะเข้ามาแทนการใช้ IP Address
ง. การใช้ IP Address ควบคู่กับเทคโนโลยีจะถูกจำกัดในวงแคบ

9. ข้อใด ไม่ใช่ ประโยชน์ของการมี IP Address ที่อุปกรณ์อำนวยความสะดวกหรือเครื่องใช้ไฟฟ้า
ก. สามารถส่งข้อมูลได้อย่างรวดเร็วในการสื่อสาร
ข. เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตได้เหมือนคอมพิวเตอร์ โดยที่ไม่ต้องผ่านระบบใดๆ
ค. ทำให้ระบบภายในของอุปกรณ์นั้นๆ เกิดผลเสีย
ง. ทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม

10. เหตุใดเราจึงควรศึกษาและทำความเข้าใจในเรื่อง IPV6
ก. เพราะหาก IPv4 ถูกใช้หมดไป IPV6 เป็นสิ่งที่จะแก้ปัญหานี้ได้
ข. เพื่อเตรียมตัวรับมือกับสถานการณ์ในอนาคต
ค. เพื่อความได้เปรียบทางธุรกิจและโอกาสในหลายๆ ด้าน
ง. ถูกต้องทุกข้อ

11. IPV6 มีการเชื่อมต่อภายในประเทศกี่องค์กร
ก. 4 องค์กร ข. 3 องค์กร ค. 2 องค์กร ง. 5 องค์กร

12. IPV6 มีขนาดเท่ากับกี่บิต
ก. 128 บิต ข. 56 บิต ค. 24 บิต ง. 32 บิต

13. IPV6 มีรูปแบบของ IP ADDRESS อยู่ทั้งหมดเท่าไร
ก. 9 ประเภท ข. 6 ประเภท ค. 7 ประเภท ง. 5 ประเภท

14. เมื่อจัดอันดับประเทศที่ได้รับการจัดสรรหมายเลข IPV6 มากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งคือ
ก. ญี่ปุ่น ข. สหรัฐอเมริกา ค. เวียดนาม ง. อังกฤษ

15 .IPV4 มีขนาดเท่ากับกี่บิต
ก. 128 บิต ข. 56 บิต ค. 24 บิต ง. 32 บิต

16. เมื่อจัดอันดับประเทศที่ได้รับการจัดสรรหมายเลข IPV6 มากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งคือ
ก. ญี่ปุ่น ข. สหรัฐอเมริกา ค. เวียดนาม ง. อังกฤษ

17. ข้อใดคือข้อเสียของ IPV6
ก. มีหมายเลข IP Address มากกว่าเดิมมาก ทำให้เพียงพอต่อความต้องการของผู้ใช้
ข. เครือข่ายมีความน่าเชื่อถือมากขึ้นกว่าเดิม เพราะเป็นการใช้งาน IP จริงทั้งหมด ต่างจากแต่ก่อนที่ไม่สามารถใช้งานได้ทุกเบอร์
ค. มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดี
ง. ประเทศไทยยังมีการติดตั้งเครือข่าย IPv6 ไม่มากนัก จะเกิดขึ้นกับคนบางกลุ่มหรือกับผู้ให้บริการรายใหญ่ๆเท่านั้น

18. เครือข่าย IPV6 ได้กำหนดกฎในการระบุตำแหน่ง
ก. 1 ประเภท ข. 2 ประเภท ค. 3 ประเภท ง. 4 ประเภท

19. IPV6 นั้นจะใช้เลขฐานอะไร
ก. เลขฐาน 2 ข. เลขฐาน 6 ค. เลขฐาน 16 ง.เลขฐาน 12

20. เมื่อจัดอันดับประเทศที่ได้รับการจัดสรรหมายเลข IPV6 มากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง
ก. ญี่ปุ่น ข. สหรัฐอเมริกา ค. เวียดนาม ง. อังกฤษ

เฉลยข้อสอบ
1. ข
2. ค
3. ง
4. ก
5. ค
6. ก
7. ง
8. ข
9. ค
10. ง
11. ก
12. ง
13. ค
14. ข
15. ง
16. ข
17. ค
18. ง
19. ข
20. ข
การบ้านวันจันทร์ที่ 8 ธันวาคม 2551

1.) 20 log (4*3.14*3) + 10*2 log (9)
0.13 3
= 1.30 (37.68) + 1.30 *0.26
0.13
= 377 + 0.33
= 377.33 dB

2.) 20 log (4*3.14*3) + 10*2 log (8)
0.13 3
1.30 (37.68) + 1.30 * 0.43
0.13
= 377 + 0.65
= 377.65 dB

3.) 20 log (4*3.14*3) + 10*2 log (17)
0.13 3
= 1.30 (37.68) + 1.30 * 0.8
0.13
= 377 + 1.092
= 378.092 dB

4.) 20 log (4*3.14*3) + 10*2 log (20)
0.13 3
= 1.30 (37.68) + 1.30 * 0.84
0.13
= 377 +1.092
= 378.092 dB

5.) 20 log (4*3.14*3) + 10*2 log (33)
0.13 3
= 1.30 (37.68)+1.30*1.040.13
= 377 + 1.352
= 378.35 dB

6.) 20 log (4*3.14*3) + 10*2 log (45)
0.13 3
= 1.30 (37.68)+10*2 log (45)
0.13 3
= 377 +1.56
= 378.60 dB

7.) 20 log(4*3.14*3) + 10*2 log (50)
0.13 3
= 1.30 (37.68) + 1.30*1.23
0.13
377 +1.7
= 380 dB

8.) 20 log (4*3.14*3) + 10*2 log (60)
0.13 3
= 1.30 (37.68) +1.30*1.30
0.13
= 377 +1.7
= 380 dB

9.) 20 log (4*3.14*3)+10*2 log (37)
0.13 3
= 1.30 (37.68) +1.30*1.1
0.13
377 +1.43
= 378.43 dB

10.) 20 log (4*3.14*3) +10*2 log (10)
0.13 3
= 1.30 (37.68) +1.30*0.51
0.13
= 377+0.7
= 378

dBการหาค่าของ LP

1.) LP = 20 log (4*3.14*9) +2*21+2*4.5
0.13= 1.30 (113.04) +42+9
0.13= (1.30*870)+51= 1182 LP

2.) LP = 20 log (4*3.14*8)+2*21+2*4.5
0.13= 1.30*33.5 +51= 94.55 LP

3.) LP = 20 log (4*3.14*17) + 2*21+2*4.5
0.13= 1.30*71.20+51= 143.6 LP

4.) LP = 20 log (4*3.14*20)+2*21+2*4.5
0.13= 1.30*84+51= 160.2 LP

5.) LP = 20 log (4*3.14*33) + 2*21+2*4.5
0.13= 1.30*3190+51= 4200 LP

6.) LP =20 log (4*3.14*45) +2*21+2*4.5
0.13= 1.30*4347.7+51= 5703.01 LP

7.) LP 20 log (4*3.14*50) +2*21+2*4.5
0.13= 1.30*3575+51= 4698.5 LP

8.) LP = 20 log (4*3.14*60) +2*21+2*4.5
0.13= 1.30 *5797+51= 7587.1 LP

9.) LP =20 log (4*3.14*37) +2*21+2*4.5
0.13= 1.30*3575+51= 4698.5 LP

10.) LP = 20 log (4*3.14*10) +2*21+2*4.5
0.13= 1.30*966.15+51= 1307 LP

การบ้านเรียนวันจันทร์ที่17พ.ย.51

การบ้าน

mw ให้เป็น db
1.) 55 log mw/1= 5/0.69 log = 0.69x10 = 6.9 = 7 db
2.) 1010 log mw/110/1 log= 0.778 x 10 = 7.78= 8 db
3.) 1515 log mw/115/1.77 log= 1.77 x 10 = 117= 118 db
4.) 2020/1.30 log= 1.30 x 10 = 13 db
5.) 2525 log mw/1= 25/1.39 log= 1.39 x 10 = 13.9= 14 db

db ให้เป็น mw
1.) 23= 23 db/10= 23/10= 2.3= 102.3= 199.5
2.) 18= 18 db/10= 18/10= 1.8= 357.05
3.) 7= 7 db/10= 7/10= 0.7 = 0.03
4.) 100= 100 db/10= 100/10= 10= 10= 1000000000
5.) 13 = 13 db/10= 13/10= 1.3= 14

เลขที่ของตัวเอง 47 = 3.14 x 4 x 47 = 590.32log= 2.8x 2o= 56

แบบฝึกหัด10ข้อ

แบบฝึกหัด 10ข้อ



1.จงเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง IEEE802.11b และ IEEE802.a

ความแตกต่างของ IEEE 802.11bใช้กลไกเข้าถึงตัวกลางแบบCSMA/CA อาศัยกลไกส่งแบบ DSSS รวมกับเทคนิค cuk ทำให้สามารถรับ - ส่งข้อมูลได้เร็วถึง 5.5 Mbpsและ 11 Mbpsความแตกต่าง ของ IEEE802.a ใช้กลไกการส่งแบบ OFDM ซึ่งรองรับความเร็วได้ถีง 54 Mbps

2. ย่านความถี่ ISM band มีอะไรบ้าง

1. ย่านความถี่ที่ 900 MHz มีแบบความกว้างตั้งแต่
2.400 ถึง 928 MHz22. ย่านความถี่ที่ 2.4 GHz มีแถบความกว้างตั้งแต่ 2.400 ถึง 2.4835 MHz
3. ย่านความถี่ที่ 5 GHz มีแถบความกว้างตั้งแต่ 5.725 ถึง 5.850 MHz


3. จงอธิบายพฤติกรรมของคลื่น Diffraction , Interference-Diffraction

อธิบายได้ด้วยหลักกการของฮอยเกนส์ คือ หน้าคลื่นที่ผ่านตัวกันมานั้นจะทำหน้าที่เป็นต้นกำเนิดคลื่นใหม่ที่มีหน้าที่คลื่นเป็นวงกลม ทำให้เกิดคลื่นวงกลมหลังตัวกั้น-Interference อธิบายเกิดจากคลื่นสองขบวนที่เหมือนกันทุกประการเคลื่อนที่มาพบกันแล้วเกิดการซ้อนทับกันถ้าเป็นคลื่นแสงจะเห็นแถบมืดและแถบสว่างสลับกัน ส่วนคลื่นเสียงจะได้ยินเสียงดังเสียงค่อยสลับกัน


4. ระบุ specify ของอุปกรณ์เครือข่าย

5. จงบอกประโยชน์ของเครือข่ายไร้สาย

1. ผู้ใช้สามารถใช้งานไฟล์ อุปกรณ์ต่างๆโดยไม่ต้องต่อสายและสามารถใช้อุปกรณ์มือถือซึ่งยังคงความเร็วสูงและ Real time
2. เวลาที่ใช้ในการติดตั้งลดลงเพราะการติดตั้งไม่ยุ่งยากกับสายต่างๆ
3. การใช้งานสะดวกขึ้นในการใช้ WLAN
4. จาก Topologies ของ WLAN เป็นการง่ายที่จะใช้และกำหนดขอบเขต
5. ทำให้การตัดสินใจมีประสิทธิภาพขึ้น
6. การติดต่อสื่อสารอย่างทันท่วงทีกับทีมงาน
7. พนักงานเกิดความพอใจในการทำงานมากขึ้น
8. ประหยัดค่าใช้จ่ายในการติดตั้งระบบเครือข่ายในระยะยาว
9. ประหยัดค่าใช้จ่ายในการดูแลระบบเพราะอุปกรณ์ Wireless ไม่ต้องใช้สาย


6. จงอธิบายการทำงานของ ALOHA ,CSMA/CA

1. การทำงานของ CSMA/CA คือ เมื่อสถานีหนึ่งต้องการเข้าใช้ช่องสัญญาณสถานีดังกล่าวจะต้องตรวจสอบช่องสัญญาณก่อนว่ามีสถานีอื่นทำการรับส่งสัญญาณข่อมูลอยู่หรือไม่และรอจนกว่าช่องสัญญาณว่าง ซึ่งแต่ละสถานีได้กำหนดระยะเวลาในการรอแล้ว ด้วยการสุ่มค่าหลังจากเสร็จการใช้ช่องสัญญาณครั้งก่อน


7.จงอธิบายหลักการทำงานของ FHSS, DSSS, OFDM

1. FHSS หลักการทำงานสัญญาณจะกระโดดจากความถี่หนึ่งไปยังความถี่หนึ่งในอัตราที่ได้กำหนดไว้ซึ่งจะรู้กันเฉพาะตัวรับกับตัวส่งเท่านั้น
2. DSSS หลักการทำงานจะมีการส่ง chipping code ไปกับสัญญาณแต่ละครั้งด้วยซึ่งจะมีเฉพาะตัวรับกับตัวส่งเท่านั้นที่จะรู้ลำดับของ chip
3. OFDM หลักการทำงานถูกสร้างมาเพื่อใช้งานสำหรับระบบสื่อสารไร้สายแบบเคลื่อนที่แบนด์กว้างมีอัตราการส่งข้อมูลสูงๆ เช่น ระบบ LAN


8. การลดทอนของสัญญาณคืออะไร

คือ การออกแบบเครือข่ายไร้สายแต่ละประเภทจะต้องเลือกใช้สมการให้เหมาะสมกับระบบที่จะทำการออกแบบทั้งนี้จึงจะทำให้ได้ค่าใกล้เคียงกับสภาพจริงและทำให้ระบบมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น


9. กำลังส่งและกำลังรับหมายความว่าอย่างไรกำลังส่ง

หมายความว่า Path Loss เป็นการลดทอนสัญญาณที่กำลังส่งสัญญาณจะลดลงอย่างคงที่ตามระยะทางในการส่งสัญญาณกำลังรับ หมายความว่า การที่เครื่องรับได้รับสัญญาณจาก 2 ทิศทางหรือมากกว่านั้นแล้วทำให้มีการสูญเสียเนื่องจากเกิดการรบกวนกันของสัญญาณที่มาจากทิศทางนั้น


10. Cell sizing คืออะไร

การแบ่งสัญญาณเครือข่ายไร้สายให้ข้างบ้านใช้งานด้วยการติดตั้งระบบเครือข่ายควรดูรัศมีที่ต้องการใช้งานและเลือกใช้รวมถึงติดตั้งอุปกรณ์ที่ส่งสัญญาณให้เหมาะสมกับรัศมีนั้น

วันพุธที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2551

วันพุธที่ 29 ตุลาคม2551

ข้อสอบ 30 ข้อ
1.ใครเป็นคนสร้างทฤษฎีแมม่เหล็กไฟฟ้า
ก.เฮนธิคเฮิรตซ์
ข.เจมส์เดิร์กแมกเวลล์
ค.มาโคนี่
ง.มอส เดิกร์
2.ระบบเครือข่ายแบบไร้สายคือ
ก.Wireless LAN
ข.ISM
ค.helnrich Hertz
ง.OFDM
3.จงบอกคำย่อของ Indutrial Sciences Medicine
ก.IMS
ข.SME
ค.MSI
ง.ISM
4. Direct IR และ Diffuse IR เป็นกลไกการส่งแบบใด
ก.คลื่นอินฟาเรต
ข.คลื่นวิทยุ
ค.คลื่นไม่โครเวฟ
ง.ถูกทุกข้อ
5.โครงสร้างมาตรฐาน IEEE.802.11 ประกอบด้วย
ก. OFDM
ข.DSSS
ค.MACและPHY
ง.DSSSและFHSS
6.ใน MAC layer จะมีโปรโตคอลชื่อว่า
ก.CA/CSMA
ข.CSAM/CA
ค.AP
.CSMA/CA
7."Hot spot' ทำหน้าที่อะไร
ก.กระจายสัญญาณคลื่นวิทยุ
ข.เป็นสะพานเชื่อมต่อระหว่างระบบเครือข่าย
ค.ตรวจสอบการทำงาน
ง.ถุกทุกข้อ
8.รูปแบบการเชื่อมต่อเครือข่ายไร้สายมีกี่ mode
ก.2 mode
ข.3 mode
ค.4 mode
ง.5 mode
9.เทคโนโลยีที่ใช้ใน UALN จากตอนแรกที่ใช้อินฟาเรตในการรับส่งแต่มีข้อจำกัดในระยะทางส่งได้ไม่ไกลตอนมาได้ใช้คลื่นวิทยุในการรับส่งซึ่งมีเทคนิคที่ใช้2ชนิดคืออะไรบ้าง
ก.CSMA/CA และ DSSS
ข.FHSSและSSID
ค.FHSSและDSSS
ง.OFDM และ FHSS
10.การ์ดที่ออกแบบมาให้ใช้งานได้ทั้งครื่งคอมพิวเตอร์แบบ PC และแบบโน๊ตบุ๊ค คือ การ์ดใดบ้าง
ก.PCICard
ข.PCMCISCard
ค.DBUS
ง .ถูกทุกข้อ
11.อุปกรณ์เครือข่ายไร้สายใด ที่ใช้เพิ่มระยะทางละประสิทธิภาพการทำงานของ ACCSS Point
ก.Wireless Signal Borten
ข.Wireless Bradband Router
ค.WirelessBridge
ง.Antenna
12.อุปกรณ์ใดที่ทำหน้าที่ในการต่อเข้าระบบอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านคู่สายโทรศัพท์หรือเคเบิ้ลทีวี
ก.Wireless Signal Borten
ข.Wireless Bradband Router
ค.WirelessBridge
ง.Antenna
13.อุปกรณ์ใดที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางเชื่อมโยงระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต LAN ตั้งแต่ 2 ระบบขึ้นไปเข้าด้วยกัน
ก.Wireless Signal Borten
ข.Wireless Bradband Router
ค.WirelessBridge
ง.Antenna
14.หน้าที่หลักของเสาอากาศคืออะไร
ก.แปลงสัณญาณวิทยุเป้นแม่เหล็กไฟฟ้า
ข.แปลงคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเป็นคลื่นวิทยุ
ค.ถูกทั้ง ก และ ข
ง.ไม่มีข้อถุก
15.เสาอากาศแบบรอบตัวเรียกว่าอะไร
ก.เสาอากาศแบบยากิ
ข.เสาอากาศแบบโคโพส
ค.เสาอากกาศแบบกลิต
ง.ไม่มีข้อใดถูก
16.เสาอากาศแบบทิสทาง อัตราการขยายจะมีค่าเท่าใด
ก.2-12 dBi
ข.6-21dbi
ค.8-32dBi
ง.9-36 dBi
17.ข้อใดคือประโยชน์ของเครือข่ายไร้สาย
ก.เวลาที่ใช้ในการติดตั้งลดลง
ข.ผู้ใช้สมารถใช้งานไฟล์ อุปกรณ์โดยไม่ต้องต่อสาย
ค.การใช้งานจะสะดวกขึ้นในการใช้WRAN
ง.ถูกทุกข้อ
18.สมบัติของคลื่นมี 2 อย่างมีอะไรบ้าง
ก.การสะท้อน การหักเห การเลี้ยวเบน การทะลุผ่านสิ่งกีดขวาง
ข.การสะท้อน การหักเห การแทรกสอด การเลี้ยวเบน
ค.การสะท้อน การหักเห การส่งข้อมูล การเลี้ยวเบน
ง.การส่งข้อมูล การทะลุผ่านสิ่งกีดขวาง การหักเห การเลี้ยวเบน
19.การกระจายของคลื่นวิทยุมีกี่ขั้นตอน
ก 6 ขั้นตอน
ข. 5 ขั้นตอน
ค.4ขั้นตอน
ง.3ขั้นตอน
20.ข้อใดคือการแทรกสอด
ก.Refrecction
ข.Diffrection
ค.Interferce
ง.Pencetration
21.ข้อใดคือการลดทอนของคลื่น
ก.Refrecction
ข.Diffrection
ค.Interferce
ง.Pencetration
22.หน่วยวัดอัตราการลดทอนหรออัตราการขยายของกำลังส่งคืออะไร
ก.dB (Decibel)
ข.dBM(Decibel Milk)
ค.dBi(Decibel Isofropic)
ง.dBd(Decibel Decibel)
23.หน่วยการจัดการเพิ่มกำลังการขยาย อัตราขยายที่เทียบจากสาย Decibel
ก.dB (Decibel)
ข.dBM(Decibel Milk)
ค.dBi(Decibel Isofropic)
ง.dBd(Decibel Decibel
24.จากสมการ EIRP = Powt-ct+c-c+ในสมการคืออะไร
ก.อัตราการขยายในแกน Gainof the antenna(dBi)
ข.ค่า loss ในสายเคเบิ้ล Signsl loss in cabla (dB)
ค.ค่า loss ในสายเคเบิ้ล Power outputn(dBm)
ง.กำลังส่ง EFFeetive Isotropic Radiated Power(dBm)
25.จากสมการที่24EIRP คืออะไร
ก.อัตราการขยายในแกน Gainof the antenna(dBi)
ข.ค่า loss ในสายเคเบิ้ล Signsl loss in cabla (dB)
ค.ค่า loss ในสายเคเบิ้ล Power outputn(dBm)
ง.กำลังส่ง EFFeetive Isotropic Radiated Power(dBm)
26.ถ้าเราใช้เครือข่ายไร้สายที่มีความถี่ 2.4 GHz จะมีอัตราขยายสูงสุดกี่ dBm
ก.25dBm
ข.26dBm
ค.27dBm
ง.28dBm
27.การพัฒนาการของมาตรฐานเครือข่ายไร้สายมีจุดเริ่มต้นและใช้อย่างเป็นทางการตั้งแต่ปี ค.ศ. เท่าไหร่
ก. 1996
ข.1997
ค.1998
ง.1999
28มาตรบาน IEEE ได้ใช้กลไกเข้าถึงตัวกลางแบบ CSMA/CA พัฒนากลไกการส่งแบบOFDM
ก. IEEE 802.11A
ข.IEEE 802.11b
ค.IEEE 802.11g
ง.IEEE 802.11i
29"rect IR และ Diffuse IR เป็นกลไกแบบใด
ก.คลื่นอินฟาเรต
ข.คลื่นวิทยุ
ค.คลื่นไมโครเวฟ
ง.ถูกทุกข้อ
30.รูปแบบการเชื่อมต่อเครือข่ายไร้สายมีกี่ mode
ก. 2 mode
ข.3 mode
ค. 4mode
ง .5mode

วันพุธที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2551

เรียนวันจันทร์ ที่ 20 ตุลาคม 2551

ข้อสอบ

1. พื้นที่ที่สัญญาณครอบคลุมการทำงานเรียกว่าอะไร

a. AP
b. BSS
c. ESS
d. DCF

เฉลย a. AP


2. ข้อใดไม่ถูกต้องในการกล่าวถึง Rang ของความถี่

a. 902 MHz – 928 MHz
b. 2.400 GHz – 2.8435 GHz
c. 5.725 GHz – 5.855 GHz
d. ข้อ ก. และ ข้อ ข.

เฉลย b. 2.400 GHz – 2.8435 GHz


จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคำถามจากข้อ 3 – 8 เขียนคำตอบลงในช่อง ก.
A. Industry
B. Science
C. Medical
D. 900 MHz
E. 2.400 GHz
F. IEEE802.11a
G. IEEE802.11b
H. 54 Mbits
I. 2 Mbits
J. 11 Mbits
K. DSSS
L. FHSS
M. ISM


3. Data Rate สูงสุดที่สามารถส่งข้อมูลได้ใน wireless Lan ที่ใช้ Machanism แบบ OFDM

ตอบ K.DSSS


4. Radio Frequency ที่ใช้งานเยอะที่สุดใน IEEE802.11

ตอบ L. FHSS


5. IEEE802.11b ใช้ machanism แบบใด

ตอบ C. Medical


6. Machanism แบบใดที่มี Data Rate 11 Mbits

ตอบ A. Industry


7. ย่านความถี่ที่อนุญาตให้ใช้ได้ในงานอุตสาหกรรม วิทยาศาสตร์และการแพทย์

ตอบ D. 900 MHz


8. Radio frequency 2.400 GHz มีกี่ channel

a. 54
b. 69
c. 79
d. 89

เฉลย c.79


9. ในการ hop แต่ละ hop ใช้การ synchronize ต่างกันเท่าไหร่

a. 0.4 ms per hop
b. 0.45 ms per hop
c. 0.2 ms per hop
d. 0.25 ms per hop

เฉลย b.0.45 ms per hop


10. สถาปัตยกรรมของ wireless lan ใน mode ใดที่ต้องเดินสาย wire network

a. ad-hoc
b. Peer to peer
c. Infrastructure
d. BSS

เฉลย d.BSS


11. Routing Protocol มีกี่แบบ อะไรบ้าง

a. 2 แบบ Link state & Distance Vector
b. 2 แบบ Link state & Dynamic
c. 2 แบบ Dynamic & Static
d. 2 แบบ DGP & OSPF

เฉลย b. 2 แบบ Link state & Dynamic


12. ข้อใดไม่ใช่ข้อพิจารณาลักษณะของ Routing ที่ดี
a. Cost ต่ำ
b. Space ต่ำ
c. Delay ต่ำ
d. Hop ต่ำ

เฉลย d. Hop ต่ำ


13. Protocol BGP พิจารณาการส่งข้อมูลจากอะไร
a. จำนวนลิงค์
b. ระยะทาง
c. จำนวน router
d. ราคาค่าเช่า

เฉลย b. ระยะทาง


14. ลักษณะสำคัญของ routing table ประกอบด้วยอะไรบ้าง

a. ต้นทาง
b. ปลายทาง
c. ต้นทาง ปลายทาง
d. ต้นทาง โปรโตคอล ปลายทาง

เฉลย c. ต้นทาง ปลายทาง


15. OSFP (Open Shortest Path First) เป็นชื่อของ

a. Algorithm
b. Protocol
c. Router
d. Routing Table

เฉลย b. Protocol


16. ชนิดของเส้นใยแก้วนำแสงที่ใช้รับ – ส่งข้อมูลในระยะทางไกล ๆ

a. Grade Index Multimode
b. Step Index Multimode
c. Single Mode
d. ถูกทุกข้อ

เฉลย a.Grade Index Multimode


17. แกนกลางที่เป็นใยแก้วนำแสงเรียกว่าอะไร

a. Jacket
b. Cladding
c. Core
d. Fiber

เฉลย c. Core


18. แสดงที่เดินทางภายใสเส้นใยนำแสงจะตกกระทบเป็นมุม คือลักษณะของเส้นใยแก้วแบบใด

a. Grade Index Multimode
b. Step Index Multimode
c. Single Mode
d. ถูกทุกข้อ

เฉลย a. Grade Index Multimode


19. แสดงที่เดินทางภายในเส้นใยแก้วนำแสงจะเป็นเส้นตรง คือลักษณะของเส้นใยแก้วแบบใด

a. Grade Index multimode
b. Step Index Multimode
c. Single Mode
d. ถูกทุกข้อ

เฉลย c. Single Mode


20. ต้นกำเนิดแสง (optical source) ที่มี Power ของแสงเข้มข้นคือ

a. Laser
b. APD
c. LED
d. PIN-FET

เฉลย d.PIN-FET


21. ข้อใดคือ Fast Ethernet

a. 10base5
b. 1000baseFX
c. 100BaseFL
d. 10GbaseTX

เฉลย b. 1000baseFX


22. 10BasF ใช้สายสัญญาณอะไรในการส่งข้อมูล

a. UTP
b. STP
c. Coaxial
d. Fiber Optic

เฉลย b. STP


23. ข้อใดไม่ใช่ Ethernet แบบ 1000 mbps

a. 1000BaseT
b. 100BaseTX
c. 1000BaseX
d. 1000BaseFL

เฉลย c.1000BaseX


24. ขนาด Frame ที่เล็กที่สุดของ Gigabit Ethernet คือ

a. 53 byte
b. 64 byte
c. 128 byte
d. 512 byte

เฉลย d. 512 byte


25. Ethernet ใช้ protocol ใดในการตรวจสอบการส่งข้อมูล

a. LLC
b. CSMA/CA
c. CSMA/CD
d. ALOHA

เฉลย b. CSMA/CA


26. Ethernet 10baseT ต่อยาวกี่เมตรสูงสุด

a. 80 ม.
b. 100 ม.
c. 150 ม.
d. 185 ม.

เฉลย b. 100 ม.


27. ใครเป็นผู้กำหนดมาตรฐานของ Ethernet

a. OSI
b. IEEE
c. ISO
d. CCITT

เฉลย b.IEEE


28. 10Base5 ใช้สาย Coaxial แบบใด

a. Thin
b. Thick
c. UTP
d. STP

เฉลย b.Thick


29. Fast Ethernet มีความเร็วเท่าใด

a. 10 mbps
b. 100 mbps
c. 1000 mbps
d. 10 Gbps

เฉลย b. 100 mbps


30. 100 Mbps, baseband, long wavelength over optical fiber cable คือ มาตรฐานของ

a. 1000Base-LX
b. 1000Base-FX
c. 1000Base-T2
d. 1000Base-T4

เฉลย d.1000Base-T4


31. ATM มีขนาดกี่ไบต์

a. 48 ไบต์
b. 53 ไบต์
c. 64 ไบต์
d. 128 ไบต์

เฉลย b. 53 ไบต์


32. CSMA พัฒนามาจาก

a. CSMA/CA
b. CSMA/CD
c. CSMA
d. ALOHA

เฉลย b. CSMA/CD


33. Internet เกิดขึ้นที่ประเทศอะไร

a. AU
b. JP
c. USA
d. TH

เฉลย c.USA


34. เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการขนถ่ายข้อมูล หรือ Transport Technology

a. SEH
b. ATM
c. Mobile
d. DWDM

เฉลย d. DWDM


35. ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตเรียกว่าอะไร

a. CS internet
b. Operator
c. Admin
d. ISP

เฉลย c.Admin


36. การแจกจ่ายหมายเลขไอพีแอดเดรส ให้กับเครื่องลูกโดยอัตโนมัติเรียกว่าอะไร

a. DNS
b. FTP
c. DHCP
d. Proxxy

เฉลย b.FTP


37. การถ่ายโอนข้อมูลบนระบบอินเตอร์เน็ตเรียกว่าอะไร

a. DNS
b. FTP
c. DHCP
d. Proxxy

เฉลย c. DHCP


38. โปรโตคอลการสื่อการที่เป็น offline

a. ICMP
b. TCP
c. UDP
d. ARP

เฉลย d. ARP


39. การหาเส้นทางการส่งข้อมูลเรียกว่า

a. Routing
b. Routing Protocol
c. RoutingTable
d. Router

เฉลย b. Routing Protocol


40. ข้อใดไม่มีในขั้นตอนการทำ server 7 พ.ค. 48

a. DHCP
b. DNS
c. Routing Protocol
d. Virtual host

เฉลย b. DNS


41. หมายเลข IP Class ใดรองรับการทำงานของ host ได้สูงสุด

a. A
b. B
c. C
d. D

เฉลย d. D


42. อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อเครือข่ายต่างชนิดเข้าด้วยกันคือ

a. Hub
b. Switching
c. Modem
d. Router

เฉลย a. Hub


43. การ set ค่าความสำคัญสูงสุด (High priority) ของ packet เป็นหน้าที่ของ function ใดต่อไปนี้

a. PIFS
b. SIFS
c. DIFS
d. MIB

เฉลย d. MIB


44. การป้องกันการชนกันของการส่งข้อมูลใด WLAN ใช้หลักการใด

a. ALOHA
b. CSMA
c. CSMA/CA
d. CSMA/CD

เฉลย d. CSMA/CD


45. Data Rate สูงสุดขนาด 54 Mb ที่ส่งได้ใน WLAN ใช้มาตรฐานใดและใช้หลัก mechanism (กลไกการส่ง) แบบใด

a. IEEE802.11a ; DSSS
b. IEEE802.11b ; FHSS
c. IEEE802.11a ; OFDM
d. IEEE802.11b ; OFDM


เฉลย c. IEEE802.11a ; OFDM


46. อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่แปลงสัญญาณ D/A คือ

a. Hub
b. Switching
c. Modem
d. Router

เฉลย c. Modem


47.อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่บรอดแคสสัญญาณ (Broadcast) คือ

a. Hub
b. Switching
c. Modem
d. Router

เฉลย d. Router


48. Mechanism ใดของ WLAN ที่มีการรบกวน (Interference) สูงที่สุดใด

a. Diffuse IR
b. DSSS
c. OFDM
d. FHSS

เฉลย b. DSSS


49. CIDR 192.168.0.0/24 จะมีค่า subnet mask เท่าใด

a. 225.225.0.0
b. 225.225.128.0
c. 225.225.225.0
d. 225.225.225.192

เฉลย d. 225.225.225.192


50. การ Roaming ใช้กับการโอนถ่ายข้อมูลระหว่าง

a. AP กับ AP
b. BSSกับ AP
c. AP กับ BSS
d. BSS กับ BSS

เฉลย c. AP กับ BSS

วันจันทร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2551

เข้าเรียนครั้งแรก

คำอธิบายรายวิชา (Course Description)
ความรู้เบื้องต้นเบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์เครือข่าย การสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์กับเทอร์มินอล ชั้นของโปรโตคอลมาตรฐาน OSI รูปแบบต่าง ๆ ของเครือข่าย X.25 เนตเวิร์คและดิจิตอลเนตเวอร์ค การประมวลผลแบบตามลำดับและแบบขนาน การไปป์ไลน์ (Pipelining) การประมวลผลแบบเวคเตอร์ (Vector Processing) การประมวลผลแบบอะเรย์ (Array Processors) มัลติโปรเซสเชอร์ (Multiprocessor) และฟอลท์โทเลอร์แรนซ์ (Fault Tolerance)
e-learning
http://e-learning.tu.ac.th/ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
http://e-learning.mfu.ac.th/ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
http://regelearning.payap.ac.th/ มหาวิทยาลัยพายัพ
http://elearning.utcc.ac.th/lms/main/default.asp มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
http://md.rmutk.ac.th/ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ
http://e-learning.kku.ac.th/ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
http://space.kbu.ac.th/el/index.asp มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิตhttp://elearning.dusit.ac.th/xedu/Home.aspx มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิตhttp://sutonline.sut.ac.th/moodle/mod/resource/view.php?id=7790 มหวิทยาลัยเทคโนดลยีสุรนารีhttp://www.academic.hcu.ac.th/e-learning/e-learning.html มหวิทยาลัยหัวเฉลียวเฉลิมพระเกียรติ
Tpology
การจัดรูปโครงสร้างของอุปกรณ์สื่อสารเพื่อจัดตั้งเป็นระบบเครือข่ายสามารถกระทำได้หลายแบบดังนี้1. ระบบเครือข่ายที่แบ่งประเภทโดยพิจารณาจากการจัดโครงสร้างอุปกรณ์เป็นหลัก เรียกว่า การจัดรูปทรงระบบเครือข่าย (Topology) ได้แก่ ระบบเครือข่ายแบบดาว แบบบัส และแบบวงแหวน เป็นต้น 2. ระบบเครือข่ายตามขนาดทางกายภาพของระยะทางในการส่งข้อมูลเป็นหลัก ได้แก่ เครือข่ายเฉพาะบริเวณ (LAN) เครือข่ายในเขตเมือง (MAN) เครือข่ายวงกว้าง (WAN) และเครือข่ายสหภาค (Internetwork)3. ระบบเครือข่ายที่พิจารณาจากขอบเขตการใช้งานขององค์กร เช่น เครือข่ายอินทราเนต (Intranet) เครือข่ายเอ็กซ์ทราเนต( Extranet) และเครือข่ายสากล (Internet)การจัดรูปทรงระบบเครือข่าย (Topology)วิธีการอธิบายระบบเครือข่ายแบบหนึ่งคือการพิจารณาจากรูปทรงของระบบเครือข่ายดังรูปที่ 2.13 , 2.14 และ 2.15 คือระบบเครือข่ายแบบดาว แบบบัส และแบบวงแหวน ตามลำดับระบบเครือข่ายแบบดาว (Star Topology)ประกอบด้วยคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง เรียกว่า โฮสต์ (Host) หรือ เซิฟเวอร์ (Server) ที่ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นแลอุปกรณ์ที่เหลือ ระบบนี้เหมาะกับการประมวลผลที่ศูนย์กลางและส่วนหนึ่งทำการประมวลผลที่เครื่องผู้ใช้ (Client or Work Station) ระบบนี้มีจุดอ่อนอยู่ที่เครื่อง Host คือ การสื่อสารทั้งหมดจะต้องถูกส่งผ่านเครื่อง Host ระบบจะล้มเหลวทันทีถ้าเครื่อง Host หยุดทำงานภาพที่ 2.11 : เครือข่ายแบบดาว ( star )ระบบเครือข่ายแบบบัส (Bus Toplogy)เป็นระบบเครือข่ายที่เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ทั้งหมดด้วยสายสื่อสารเพียงเส้นเดียว อาจใช้สายคู่บิดเกลียว สายโคแอกเซียล หรือสายใยแก้วนำแสงก็ได้ สัญญาณที่ถูกส่งออกมาจากอุปกรณ์ตัวใดก็ตามจะเป็นลักษณะการกระจายข่าว (Broadcasting) โดยไม่มีอุปกรณ์ตัวใดเป็นตัวควบคุมระบบเลย แต่อาศัยซอฟท์แวร์ที่ติดตั้งในอุปกรณ์แต่ละตัวทำหน้าที่ควบคุมการสื่อสาร ในระบบบัสนี้จะมีอุปกรณ์เพียงตัวเดียวที่สามารถส่งสัญญาณออกมา อุปกรณ์ตัวอื่นที่ต้องการส่งสัญญาณจะต้องหยุดรอจนกว่าในระบบจะไม่มีผู้ใดส่งสัญญาณออกมาจึงจะส่งสัญญาณของตนออกมาได้ ถ้าหากส่งออกมาพร้อมกันจะเกิดปัญหาสัญญาณชนกัน (Collision) ทำให้สัญญาณเกิดความเสียหายใช้การไม่ได้ และระบบนี้จะมีประสิทธิภาพต่ำถ้ามีอุปกรณ์เชื่อมต่อกันเป็นจำนวนมาก
ระบบเครือข่ายแบบวงแหวน (Ring Topology)
ระบบเครือข่ายวงแหวนจะมีลักษณะคล้ายเครือข่ายบัสที่เอาปลายมาต่อกัน โดยไม่มีอุปกรณ์ใดเป็นตัวควบคุมการสื่อสารของระบบเลย และข้อมูลในวงแหวนจะเดินไปในทิศทางเดียวกันเสมอภาพที่ 2.13 : ภาพระบบเครือข่ายแบบวงแหวน ( Ring )
ระบบเครือข่ายตามขนาดทางกายภาพของระยะทางในการส่งข้อมูลระบบเครือข่ายในลักษณะนี้ ได้ให้คำจำกัดความจากตำแหน่งที่ตั้งและขอบเขตวงกว้างของการใช้งาน ซึ่งแบ่งได้หลายอาณาเขต
1. เครือข่ายเฉพาะบริเวณ (Local Area Networks) หรือเครือข่ายระบบแลน (LAN)
2. เครือข่ายในเขตเมือง (Metropolitan Area Networks) หรือเครือข่ายระบบแมน (MAN)
3. เครือข่ายวงกว้าง (Wide Area Networks) หรือเครือข่ายแวน (WAN)เครือข่ายเฉพาะบริเวณ (LAN)มีขอบเขตการทำงานแคบ มักอยู่ในอาคาร ออฟฟิศ สำนักงาน หรือหลายอาคารที่อยู่ติดกัน ไม่เกิน 2,000 ฟุต ระบบ LAN ได้รับความนิยมมากในการเชื่อมต่ออุปกรณ์สำนักงานเข้าด้วยกัน โดยมีสายนำสัญญาณการสื่อสารที่เป็นของตนเอง โดยใช้ Topology แบบบัส หรือวงแหวนและมีช่องสื่อสารที่กว้าง เพื่อให้เครื่องคอมพิวเตอร์สำนักงาน อุปกรณ์ระบบแสดงผล พิมพ์งาน และการรับส่งข้อมูลข่าวสารในสำนักงานทำงานร่วมกันได้ถ้าหากการใช้งานในบางจุดของสำนักงานไม่สามารถเดินสายเคเบิลได้ หรือมีข้อจำกัดด้านการติดตั้งและลงทุนเช่น การต่อสาย LAN ข้ามตึก หรือระหว่างชั้นสำนักงาน ก็สามารถประยุกต์ใช้ระบบ LAN ไร้สาย ตามที่กล่าวไปแล้วได้ รูปที่ 2.17 แสดงถึงการต่อวง LAN วงหนึ่งในลักษณะ Ring มักมีเครื่องคอมพิวเตอร์ตัวหนึ่งทำหน้าที่เป็น Host หรือ เซิฟเวอร์ (Server) ซึ่งคล้ายกับบรรณารักษ์ คอยจัดเก็บโปรแกรมและฐานข้อมูล และควบคุมการเข้าใช้ของ User แต่ละคน เครื่องคอมพิวเตอร์ที่เป็น Server นี้มักมีหน่วยความจำใหญ่และมีหน่วยประมวลผลที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าพีซีปกติ ความสามารถในการทำงานของระบบแลนถูกกำหนดโดย ระบบปฏิบัติการเครือข่าย (Network Operating System ; NOS ) ที่ติดตั้งอยู่ที่เครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องหรืออาจอยู่ที่เครื่อง Server เพียงเครื่องเดียว ระบบปฏิบัติการจะทำหน้าที่ในการ กำหนดเส้นทางการเดินทางของข้อมูลในเครือข่ายและจัดการบริหารการสื่อสารตลอดจนควบคุมการใช้งานทรัพยากรทั้งหมดในเครือข่าย ตัวอย่างซอฟท์แวร์ที่นิยมใช้ ได้แก่ Novell Netware , Microsoft Windows 2000 Server , IBM’s OS/2 Warp Server เป็นต้น ซึ่งซอฟท์แวร์ประยุกต์ที่ใช้บนระบบเครือข่าย LAN ในปัจจุบันมักนิยมทำงานในแบบ ผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการ (Client / Server System) โดยที่เครื่องผู้ให้บริการจะเป็นผู้จัดเตรียมข้อมูลและโปรแกรมให้ผู้ใช้บริการ ระบบเครือข่ายในเขตเมือง (MAN)โดยพื้นฐานแล้วระบบเครือข่ายในเขตเมือง (Metropolitan Area Network) มีลักษณะคล้ายกับระบบ LAN แต่มีอาณาเขตที่ไกลกว่าในระดับเขตเมืองเดียวกัน หรือหลายเมืองที่อยู่ติดกันก็ได้ ซึ่งอาจเป็นการให้บริการของเอกชนหรือรัฐก็ได้ เป็นการบริการเฉพาะหน่วยงาน มีขีดความสามารถในการให้บริการทั้งรับและส่งข้อมูล ทั้งภาพและเสียง เช่นการให้บริการระบบโทรทัศน์ทางสาย (Cable TV)ระบบเครือข่ายวงกว้าง (WAN)เป็นระบบที่มีขอบเขตการใช้งานกว้างกว่า ไกลกว่าระบบแลน ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเป็นระบบที่ไร้ขอบเขตแล้ว เช่นระบบการสื่อสารข้อมูลผ่านดาวเทียมของสถานีโทรทัศน์ต่างๆ แต่การที่จะเชื่อมต่อเครือข่ายที่มีระยะห่างกันมากๆให้เป็นเครือข่ายเดียวกันทั้งหมดนั้นจำเป็นต้องอาศัยเครือข่ายสาธารณะ (Public Networks) ที่ให้บริการการสื่อสาร โดยเชื่อมต่อผ่านโมเด็ม ผ่าน เครือข่ายโทรศัพท์สาธารณะ (Public Switching Telephone Network ; PSTN) ซึ่งมีทั้งลักษณะต่อโมเด็มแบบที่ต้องมีการติดต่อก่อน (Dial-up) หรือต่อตายตัวแบบสายเช่า (Lease Line)ระบบเครือข่ายที่พิจารณาจากขอบเขตการใช้งานขององค์กรระบบอินทราเนต (Intranet) ในปัจจุบันบางองค์กรได้จำลองลักษณะของอินเตอร์เนตมาเป็นเครือข่ายภายในและใช้งานโดยบุคคลากรของบริษัท ผู้คนในบริษัทจะทำการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่มีประโยชน์ต่อกันในองค์กรเฉพาะเครือข่ายของบริษัทตนเท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องใดๆกับองค์กรอื่นภายนอก ทั้งที่อยู่ในสำนักงานเดียวกันหรือต่างสาขาก็ได้ หรือจะอยู่คนละภูมิประเทศก็ได้ สามารถสื่อสารกัน (Interfacing) ได้โดยการใช้ Web Browser เขียนเป็น Home Pages เหมือนอินเตอร์เนตโดยทั่วไป ด้วยกราฟฟิก ภาพ ข้อความ เสียง และมี Function ต่างๆ เช่น Web-board การ Log-in การเปิดหน้าต่าง Browser ด้วยวิธีการคลิ๊กทีละ Page นำเสนอข้อมูลที่สวยงาม ง่ายต่อการเข้าใจ มีระบบจดหมายอีเลกทรอนิกส์ มี Account ให้พนักงานแต่ละคนใช้ส่วนตัว มีระบบโต้ตอบและสนทนาได้อัตโนมัติ ตัวอย่างของระบบอินทราเนต ที่นิยมใช้กันมาก ได้แก่ ระบบซอฟท์แวร์ Lotus-Note ของบริษัท IBMข้อดีของอินทราเนตที่องค์กรต่างๆนิยมใช้เพราะ เป็นส่วนตัว (Privacy) ในระดับองค์กร คาวมเร็วในการส่งผ่านข้อมูลที่จำเป็นเฉพาะองค์กร การป้องกันการรั่วไหลของความลับองค์กร แต่ในขณะเดียวกันระบบอินทราเนตสามารถเชื่อมต่อกับระบบอินเตอร์เนตภายนอกได้ทันที เพราะอาศัย Protocol มาตรฐาน TCP/IP เหมือนกันระบบเอ็กทราเนต (Extranet) เป็นอีกลักษณะของระบบเครือข่ายที่เป็นระบบสารสนเทศระหว่างองค์กร (Inter-Organization ; I-OIS) ใช้สำหรับการติดต่อสื่อสารข้อมูลระหว่างองค์กรที่มีความสัมพันธ์กัน ต้องการแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ติดต่อธุรกรรมกันเป็นประจำ ระหว่างพนักงาน บริษัทคู่ค้า บริษัทลูกค้า หรือบริษัทที่เป็นพันธมิตรกัน
ระบบเอ็กทราเนตจะอาศัยโครงสร้างของอินทราเนตและอินเตอร์เนตในการทำงานสื่อสารระหว่างองค์กร แต่อาจอาศัยเครือข่ายเฉพาะส่วนบุคคล (Virtual private Networks ; VPN) ซึ่งจะต้องมีการเข้ารหัสต่างๆ เพื่อขออนุญาตเข้าใช้เครือข่าย มีระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูลในองค์กรระหว่างกัน ปัจจุบันนิยมมากในกลุ่มธุรกิจที่มีลักษณะเป็นพันธมิตรทางการค้า (Alliance) ที่ต้องอาศัยข้อมูลของบริษัทร่วมกัน (Collaboration Commerce ; C-Commerce) เช่น ข้อมูลสต็อกสินค้า ข้อมูลลูกค้า และมีฟังก์ชั่นการทำงานในลักษณะโต้ตอบ สนทนา แบบ Real timeระบบอินเตอร์เนต (Internet) เป็นระบบที่รู้จักกันดีและใช้งานกันอยู่เป็นประจำ เป็นระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในปัจจุบัน เชื่อมโยงศูนย์คอมพิวเตอร์ทั่วโลกเข้าไว้เป็นระบบเดียว จึงเป็นระบบสื่อสารที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว และมีผู้ใช้บริการเป็นจำนวนมาก เพราะมีประโยชน์ในวงการต่างๆ มากมายอินเตอร์เนตที่ทั่วโลกสามารถเชื่อมต่อกันได้เพราะมีมาตรฐานหรือโปรโตคอลที่ชื่อว่าTCP/IP (Transmission Control Protocol / Internet Protocol) ซึ่งสามารถเชื่อมโยงได้โดยผ่านผู้ให้บริการอินเตอร์เนตเชิงพาณิชย์ (Internet Service Provider ; ISP ) ซึ่งจะทำหน้าที่ให้บริการเสมือนศูนย์กลางการสื่อสารคอยติดต่อประสานงานกับวงอินเตอร์เนตอื่นๆทั่วโลก เสมือนสำนักงานไปรษณีย์ที่คอยส่งจดหมายไปตามที่อยู่ (IP Address) ของผู้รับ ผู้ให้บริการอินเตอร์เนตในประเทศไทยปัจจุบันได้แก่ Loxinfo , CS Communication , Internet KSC , AsiaNet , Telecomasiaหรือแม้แต่องค์การโทรศัพท์หรือ ทศท.คอร์เปอเรชั่น จำกัด ในปัจจุบันก็หันมาทำธุรกิจให้บริการอินเตอร์เนตด้วยIP Address หรือบ้านเลขที่บนอินเตอร์เนต ถ้าเปรียบอินเตอร์เนตเป็นเมืองขนาดใหญ่ และเครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องเป็นบ้านที่มีถนนเชื่อมถึงกัน เครื่องคอมพิวเตอร์เหล่านั้นย่อมต้องมีเลขที่บ้านเพื่อให้รู้ตำแหน่งกันโดยไม่ซ้ำกับเครื่องใดในโลก IP Address ประกอบไปด้วยตัวเลข 4 ชุด ต่อกัน โดยมีจุดเป็นสัญญลักษณ์แบ่งตัวเลข แต่ละชุดมีค่าตั้งแต่ 0 – 255 โดยสามารถทำการขอเลข IP ได้จากหน่วยงานที่ได้รับอนุญาตจาก InterNIC (Internet Network Information Center) เช่นผู้ให้บริการอินเตอร์เนตทั่วไป
Internet Address คงไม่มีใครอยากจะจดจำ IP Address เพราะเป็นชุดตัวเลขที่ยาวมากไม่สะดวกต่อการจดจำและเรียกใช้ลำบาก จึงมีการกำหนดชื่อเรียกขึ้นมาแทน IP Address เหมือนการจดทะเบียนการค้า มีเลขทะเบียนการค้าแล้ว แต่ต้องจดทะเบียนชื่อห้างร้านด้วย Internet Address อยู่ในรูปของตัวอักษร นิยมตั้งให้จำได้ โดยมากใช้ชื่อองค์กรหรือชื่อที่มีความสัมพันธ์กับเนื้อหาหรือวัตถุประสงค์ขององค์กรหรือบุคคลเจ้าของ Website นั้นๆ โดยมีตัวย่อหลังเครื่องหมายจุดในอินเตอร์เนตแอดเดรสเป็นตัวระบุความแตกต่างกันของขนิดองค์กร ที่พบบ่อยๆ ได้แก่
ส่วนอินเตอร์เนตแอดเดรสในประเทศไทย มักมี .th ตามต่อท้ายเพื่อให้ทราบว่ามี IP อยู่ในประเทศไทยเป็นการกำหนดตำแหน่งประเทศที่เครื่องคอมพิวเตอร์นั้นๆ ตั้งอยู่ เช่น co.th , ac.th , go.th , or.th เป็นต้นบริการต่างๆในอินเตอร์เนต ตัวอินเตอร์เนตเอง คือระบบที่สร้างขึ้นเพื่อการเชื่อมต่อข้อมูลแต่ข้อมูลที่จะเชื่อมต่อกันบนอินเตอร์เนตอาจอยู่ในรูปแบบใดๆก็ได้ ขึ้นกับความต้องการผู้ใช้ โดยมากที่เราพบเห็นจะอยู่ในรูปแบบ www (World Wide Web หรือที่เรารู้จักกันว่า Web site) แต่อินเตอร์เนตมีรูปแบบที่ให้บริการต่างๆได้มากมาย อาทิ
1. เครือข่ายใยพิภพ (เครือข่ายใยแมงมุม) World Wide Web ประกอบไปด้วย Website ต่างๆมากมายบนโลก
2. บริการจดหมายอีเล็กทรอนิกส์ (e-Mail) ที่มีชื่อเสียงที่เรารู้จักก็คือ โปรแกรม OutLook หรือบริการ e-mail บนเว็บยอดฮิตก็ Hotmail ที่รูจักกันดี
3. บริการโอนย้ายไฟล์ (File Transfer Protocol ; FTP) บริการให้ Up – Down load แฟ้มข้อมูลต่างๆ
4. Usenet บอร์ดข่าวสารบนอินเตอร์เนต
5. ระบบการสนทนาโต้ตอบแบบทันที (Internet Relay Chat ; IRC)
6. Internet Phone หรือ Voice Mail ที่สามารถใช้เสียงพูดคุยผ่านอินเตอร์เนต (VoiceOverIP)
7. การให้บริการแฟกซ์ผ่านอินเตอร์เนต (Internet Fax)
8. การให้บริการภาพและเสียงผ่านอินเตอร์เนต (Streaming audio and video)